ลักษณะของโครงสร้างรูปหน้ามีได้หลายรูปแบบ เช่น รูปไข่ (oval shape) เป็นรูปหน้าที่ถือว่าสวย และเป็นที่นิยมในปัจจุบันโดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยรุ่น นอกจากนี้มีรูปกลม (round shape) เป็นรูปหน้าที่ค่อนข้างอ้วน มีไขมันพอกจนดูกลม รูปเหลี่ยม (square shape) มักเป็นจากโครงร่างหรือโครงกระดูกใบหน้า และขนาดของกล้ามเนื้อมีขนาดใหญ่หนา และรูปลูกแพร์ (pear shape) เป็นใบหน้าที่มีกรามใหญ่และมีไขมันมาก ทำให้แก้มข้างล่างดูใหญ่กว่าข้างบนเกินโหนกแก้มอย่างเห็นได้ชัด
เคยสังเกตมั้ยว่า รูปหน้าของคนเราจะเปลี่ยนไปตามอายุ ถ้าเราเอารูปถ่ายตอนอายุ 18 และ 30 มา เทียบดูแล้วลองลากเส้นตามกรอบหน้าจะเห็นว่าเมื่อสาวรุ่นอายุ18 รูปหน้าของเราจะเป็นรูปสามเหลี่ยม V shape แต่รูปถ่ายเมื่อตอนอายุเริ่มเข้าวัย 30 ปี รูปหน้าจะเปลี่ยนเป็นสี่เหลี่ยม U shape ซึ่งส่วนที่เปลี่ยนไปคือ บริเวณแนวคางและขากรรไกรที่จะกางออกไม่เรียวแหลมเหมือนเมื่อครั้งเป็นวัยรุ่นอันที่จริงหน้าหรือคางของเราไม่ได้กางหรือใหญ่เพิ่มขึ้นแต่เกิดจากผิวหน้าบริเวณกรามหรือขากรรไกร หย่อนคล้อย ทำให้หน้าห้อยเป็นสาเหตุที่ทำให้รูปหน้าเปลี่ยนไปซึ่งวิธีแก้ไขในอดีตทำได้อย่างเดียวคือดึงหน้า
แต่ปัจจุบันมีทางเลือกที่น่าสนใจ เป็นการปรับรูปหน้าโดยการฉีดสาร botoxซึ่งเป็นโปรตีน ชนิดหนึ่ง ที่สร้างจาก แบคทีเรีย ชื่อ คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium botulinum) ช่วยทำให้กล้ามเนื้อเล็กลงหรือบางลง ขนาดของกรามเล็กตามไปด้วย จึงทำให้หน้าเรียวมนได้สัดส่วนสวยงามจะเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 2-3 วัน และ ออกฤทธิ์เต็มที่ช่วง 2-3 เดือนหลังการฉีด ซึ่งผลการรักษาแต่ละครั้งจะคงอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับแต่ละคน หลังทำไม่ต้องพักฟื้น สามารถกลับไปทำงานได้ตามปกติโดยการดูแลหลัง ฉีดสาร Botox ควร
1. ห้ามนอนราบ 3 ชม. หลังทำ เนื่องจากตัวยาอาจกระจายออกนอกตำแหน่งที่ฉีด ทำให้ไม่ได้ประสิทธิภาพที่ต้องการ
2. ห้ามนวดบริเวณที่ฉีด เพราะทำให้ยากระจายตัวไปที่กล้ามเนื้อรอบดวงตาได้
3. ขยับกล้ามเนื้อที่ฉีด ทุก 15 นาที ในชั่วโมงแรกหลังฉีด เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ดีขึ้น
4. หากมีรอยช้ำหลังฉีด ประคบเย็นที่บ้านต่อ ไม่ให้นวด หรือประคบอุ่น
5. ควรงดการดื่มแอลกอฮอล์ในช่วง 2 อาทิตย์แรกมีผลทำให้โบท็อกซ์ออกฤทธิ์ไม่ดี